ชาย 65 ปี เสียชีวิตสาเหตุมาจากอุณหภูมิที่สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ด้านแพทย์เตือนผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง มีโรคประจำตัว เด็กและผู้สูงอายุ ให้ระวังโรคฮีทสโตรก อ่านต่อที่นี่ www.kaoruhime.com เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2567 ชาวบ้านริมทางรถไฟ เขตบางซื่อ กทม. ต้องเปิดพัดลมถึง 3 ตัว แต่บอกว่ายังไม่สามารถบรรเทาอากาศที่ร้อนจัดให้กับเด็กทารกวัย 2 เดือน และเด็กวัย 1 ขวบครึ่งได้ ด้วยสภาพบ้านที่มุงหลังด้วยคาสังกะสี อากาศไม่ถ่ายเท ยิ่งทำให้สภาพอากาศร้อนอบอ้าว วัดอุณหภูมิในบ้านได้ 38.5 องศาเซลเซียส การบรรเทาอากาศร้อนในช่วงนี้ พ่อแม่จึงต้องอาบน้ำลูกบ่อยขึ้น และให้ลูกคนโตจิบน้ำบ่อยๆ

ขณะที่ผู้ป่วยโรคตุ่มน้ำพอง วัย 58 ปี ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไม่สามารถลุกไปไหนได้ ใช้วิธีเปิดพัดลมตลอดเวลา และใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้า เช็ดตัว ทาแป้ง จิบน้ำบ่อยๆ เพื่อบรรเทาความร้อน เนื่องจากเป็นผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว ทำให้ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อลดอุณหภูมิร่างกายและสภาพอากาศในบ้านไม่ให้ร้อนเกินไป

กรมควบคุมโรคชี้ฮีทสโตรกคร่า 37 ชีวิต

ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์ฮีทสโตรกตั้งแต่เดือน มี.ค.-เม.ย.2567 พบผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 30 คนเมื่อเทียบกับปี 2566 ในช่วงระหว่างเดือน มี.ค.-มิ.ย. เป็นเวลา 4 เดือน มีผู้เสียชีวิต37 คน ปีนี้มีผู้เสียชีวิตมากกว่าปีก่อน 2 เท่า กลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังคือ กลุ่มที่ทำงานกลางแจ้ง หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว และโดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กทารก ที่ต่อมเหงื่อทำงานได้ไม่ดี

สังเกตอาการโรคฮีทสโตรก คือ ไม่มีเหงื่อออกตัวร้อนจัด อุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส กระหายน้ำมาก วิงเวียนปวดศีรษะ คลื่นไส้ เกร็งกล้ามเนื้อ หน้ามืด ส่วนวิธีป้องกันโรคฮีทสโตรกดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 6-8 แก้ว ใส่เสื้อผ้าที่ป้องกันแสงแดดหรือระบายอากาศได้ดีหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง